
มีลูกง่ายกับหมอพัฒน์ศมา Fertile by Dr. Pat
มาร่วมพูดคุยเรื่องมีบุตรยาก นรึเวช ความสัมพันธ์ ฯลฯ ที่หมอนึกอยากจะคุย กับ นพ. พัฒน์ศมา วิจินศาสตร์วิจัย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านมีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช เราจะมามีลูกง่ายไปด้วยกัน
มีลูกง่ายกับหมอพัฒน์ศมา Fertile by Dr. Pat
ทำ ICSI ต้องตรวจโครโมโซมหรือไม่
ปัจจุบันการรักษามีบุตรยากด้วยเด็กหลอดแก้วแพร่หลายอย่างมาก และมีอัตราการตั้งครรภ์ที่สุงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วง 5-6 ปีนี้การตรวจโครโมโซมในตัวอ่อนก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน วันนี้หมอจะมาไขข้อสงสัยว่าจำเป็นต้องตรวจหรือไม่
สวัสดีครับ ผมนายแพทย์พัฒน์ศมา วิจินศาสตร์วิจัย สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้อง วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันว่า การทำ IVF จำเป็นต้องตรวจโครโมโซมหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่หลายคนกังวล ไม่ว่าจะกรณีที่มีตัวอ่อนเยอะแต่คุณภาพอาจไม่ดี หรือมีตัวอ่อนน้อยจึงกลัวว่าการตรวจจะทำให้เสียโอกาส การตรวจโครโมโซมเรียกว่า PGT-A ซึ่งย่อมาจาก Preimplantation Genetic Testing for Aneuploidy หรือการตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อน Aneuploidy หมายถึงความผิดปกติของจำนวนโครโมโซมซึ่งอาจขาดหรือเกิน เหตุผลที่ต้องตรวจ PGT-A มี 3 ข้อหลักดังนี้
- เมื่ออายุมากขึ้นโอกาสตั้งครรภ์จะลดลง ไม่ว่าจะด้วยวิธีธรรมชาติหรือ IVF และความผิดปกติของโครโมโซมในตัวอ่อนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น โอกาสการเกิดดาวน์ซินโดรม
- การตรวจ PGT-A ไม่ได้ทำให้โอกาสตั้งครรภ์โดยรวมมากขึ้น เราจะมาดู 3 สถานการณ์ตัวอย่าง สถานการณ์ที่ 1: มีตัวอ่อนจำนวนมาก สมมติเก็บไข่ได้ 20 ใบ ปฏิสนธิ 18 ใบ ได้เป็นตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ (blastocyst) 9 ตัว และในจำนวนนี้มีตัวอ่อนปกติที่พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ 4 ตัว
- การย้ายตัวอ่อน Day 3 มีโอกาสตั้งครรภ์ 4 ใน 14 หรือ 28.6%
- การย้ายตัวอ่อน Day 5 มีโอกาสตั้งครรภ์ 4 ใน 9 หรือ 44.4%
- การตรวจ PGT-A: ช่วยให้เลือกตัวอ่อนที่มีโครโมโซมปกติ ทำให้โอกาสตั้งครรภ์สูงถึง 4 ใน 5 หรือ 80% ในทุกกรณีจำนวนเด็กที่เกิดมายังคงเป็น 4 คนเท่ากัน การตรวจ PGT-A ช่วยให้เราเลือกตัวอ่อนที่ดีที่สุดเพื่อย้ายก่อน ทำให้เราตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น สถานการณ์ที่ 2: มีตัวอ่อนน้อยลง สมมติเก็บไข่ได้ 10 ใบ ปฏิสนธิ 8 ใบ ได้เป็นตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ 4 ตัว และมีตัวอ่อนปกติ 2 ตัว
- การย้ายตัวอ่อน Day 3 มีโอกาสตั้งครรภ์ 33.3%
- การย้ายตัวอ่อน Day 5 มีโอกาสตั้งครรภ์ 50%
- การตรวจ PGT-A: โอกาสตั้งครรภ์เพิ่มเป็น 66.6% ท้ายที่สุดแล้วจำนวนเด็กที่เกิดมายังคงเป็น 2 คนเท่ากันไม่ว่าจะตรวจหรือไม่ตรวจ สถานการณ์ที่ 3: มีตัวอ่อนน้อยมาก สมมติเก็บไข่ได้ 3 ใบ ปฏิสนธิทั้ง 3 ใบ ได้เป็นตัวอ่อน 2 ตัว แต่มีโครโมโซมปกติเพียง 1 ตัว
- การย้ายตัวอ่อน Day 3 มีโอกาสตั้งครรภ์ 50%
- การย้ายตัวอ่อน Day 5 มีโอกาสตั้งครรภ์ 50%
- การตรวจ PGT-A: ถ้าตรวจแล้วพบว่าตัวอ่อนทั้ง 2 ผิดปกติ จะไม่ได้ย้ายตัวอ่อนเลย โอกาสตั้งครรภ์จึงเป็น 0% ในกรณีนี้ PGT-A อาจไม่มีประโยชน์ เนื่องจากอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการย้ายตัวอ่อนที่อาจปกติ เพราะการตรวจไม่ได้แม่นยำ 100%
- การตรวจ PGT-A ไม่ได้ทำให้ตัวอ่อนมีคุณภาพดีขึ้น การตรวจเป็นเพียงการวินิจฉัย ไม่ใช่การรักษา การทำ biopsy, การแช่แข็งตัวอ่อน, และการละลายตัวอ่อนเพื่อย้ายกลับ อาจมีโอกาสทำร้ายตัวอ่อนได้ถึงแม้จะน้อยมากก็ตาม การเจาะเซลล์ การแช่แข็งที่อุณหภูมิ -196°C และการนำกลับมาที่ 37°C ล้วนเป็นกระบวนการที่อาจส่งผลกระทบต่อตัวอ่อนได้ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีปัจจุบันจะมีความปลอดภัยสูง แต่การตรวจก็ไม่ได้ทำให้ตัวอ่อนดีขึ้น มีเพียงคงคุณภาพไว้ หรือแย่ลง PGT-A มีประโยชน์กับใครบ้าง? การตรวจ PGT-A อาจมีประโยชน์ในกรณีดังนี้:
- ผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี แต่ไม่เกิน 40 ปี
- ผู้ที่มีประวัติแท้งบุตรซ้ำซาก
- ผู้ที่เคยทำ IVF มาหลายครั้งแล้วไม่สำเร็จ PGT-A ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การตัดสินใจตรวจควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ขอขอบคุณที่รับชม หากข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในวิดีโอหน้า สวัสดีครับ