เม้ามอยกับหมอพัฒน์ศมา Chit chat with Dr. Pat

ทำ ICSI ต้องตรวจโครโมโซมหรือไม่

Patsama Vichinsartvichai, MD., MClinEmbryol, EFOG-EBCOG, EFRM-ESHRE/EBCOG. Season 5 Episode 8

Send us a text

ปัจจุบันการรักษามีบุตรยากด้วยเด็กหลอดแก้วแพร่หลายอย่างมาก และมีอัตราการตั้งครรภ์ที่สุงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วง 5-6 ปีนี้การตรวจโครโมโซมในตัวอ่อนก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน วันนี้หมอจะมาไขข้อสงสัยว่าจำเป็นต้องตรวจหรือไม่ 

Support the show

สวัสดีครับ ผมนายแพทย์พัฒน์ศมา วิจินศาสตร์วิจัย สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้อง วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันว่า การทำ IVF จำเป็นต้องตรวจโครโมโซมหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่หลายคนกังวล ไม่ว่าจะกรณีที่มีตัวอ่อนเยอะแต่คุณภาพอาจไม่ดี หรือมีตัวอ่อนน้อยจึงกลัวว่าการตรวจจะทำให้เสียโอกาส การตรวจโครโมโซมเรียกว่า PGT-A ซึ่งย่อมาจาก Preimplantation Genetic Testing for Aneuploidy หรือการตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อน Aneuploidy หมายถึงความผิดปกติของจำนวนโครโมโซมซึ่งอาจขาดหรือเกิน เหตุผลที่ต้องตรวจ PGT-A มี 3 ข้อหลักดังนี้

  1. เมื่ออายุมากขึ้นโอกาสตั้งครรภ์จะลดลง ไม่ว่าจะด้วยวิธีธรรมชาติหรือ IVF และความผิดปกติของโครโมโซมในตัวอ่อนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น โอกาสการเกิดดาวน์ซินโดรม
  2. การตรวจ PGT-A ไม่ได้ทำให้โอกาสตั้งครรภ์โดยรวมมากขึ้น เราจะมาดู 3 สถานการณ์ตัวอย่าง สถานการณ์ที่ 1: มีตัวอ่อนจำนวนมาก สมมติเก็บไข่ได้ 20 ใบ ปฏิสนธิ 18 ใบ ได้เป็นตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ (blastocyst) 9 ตัว และในจำนวนนี้มีตัวอ่อนปกติที่พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ 4 ตัว
  • การย้ายตัวอ่อน Day 3 มีโอกาสตั้งครรภ์ 4 ใน 14 หรือ 28.6%
  • การย้ายตัวอ่อน Day 5 มีโอกาสตั้งครรภ์ 4 ใน 9 หรือ 44.4%
  • การตรวจ PGT-A: ช่วยให้เลือกตัวอ่อนที่มีโครโมโซมปกติ ทำให้โอกาสตั้งครรภ์สูงถึง 4 ใน 5 หรือ 80% ในทุกกรณีจำนวนเด็กที่เกิดมายังคงเป็น 4 คนเท่ากัน การตรวจ PGT-A ช่วยให้เราเลือกตัวอ่อนที่ดีที่สุดเพื่อย้ายก่อน ทำให้เราตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น สถานการณ์ที่ 2: มีตัวอ่อนน้อยลง สมมติเก็บไข่ได้ 10 ใบ ปฏิสนธิ 8 ใบ ได้เป็นตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ 4 ตัว และมีตัวอ่อนปกติ 2 ตัว
  • การย้ายตัวอ่อน Day 3 มีโอกาสตั้งครรภ์ 33.3%
  • การย้ายตัวอ่อน Day 5 มีโอกาสตั้งครรภ์ 50%
  • การตรวจ PGT-A: โอกาสตั้งครรภ์เพิ่มเป็น 66.6% ท้ายที่สุดแล้วจำนวนเด็กที่เกิดมายังคงเป็น 2 คนเท่ากันไม่ว่าจะตรวจหรือไม่ตรวจ สถานการณ์ที่ 3: มีตัวอ่อนน้อยมาก สมมติเก็บไข่ได้ 3 ใบ ปฏิสนธิทั้ง 3 ใบ ได้เป็นตัวอ่อน 2 ตัว แต่มีโครโมโซมปกติเพียง 1 ตัว
  • การย้ายตัวอ่อน Day 3 มีโอกาสตั้งครรภ์ 50%
  • การย้ายตัวอ่อน Day 5 มีโอกาสตั้งครรภ์ 50%
  • การตรวจ PGT-A: ถ้าตรวจแล้วพบว่าตัวอ่อนทั้ง 2 ผิดปกติ จะไม่ได้ย้ายตัวอ่อนเลย โอกาสตั้งครรภ์จึงเป็น 0% ในกรณีนี้ PGT-A อาจไม่มีประโยชน์ เนื่องจากอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการย้ายตัวอ่อนที่อาจปกติ เพราะการตรวจไม่ได้แม่นยำ 100%
  1. การตรวจ PGT-A ไม่ได้ทำให้ตัวอ่อนมีคุณภาพดีขึ้น การตรวจเป็นเพียงการวินิจฉัย ไม่ใช่การรักษา การทำ biopsy, การแช่แข็งตัวอ่อน, และการละลายตัวอ่อนเพื่อย้ายกลับ อาจมีโอกาสทำร้ายตัวอ่อนได้ถึงแม้จะน้อยมากก็ตาม การเจาะเซลล์ การแช่แข็งที่อุณหภูมิ -196°C และการนำกลับมาที่ 37°C ล้วนเป็นกระบวนการที่อาจส่งผลกระทบต่อตัวอ่อนได้ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีปัจจุบันจะมีความปลอดภัยสูง แต่การตรวจก็ไม่ได้ทำให้ตัวอ่อนดีขึ้น มีเพียงคงคุณภาพไว้ หรือแย่ลง PGT-A มีประโยชน์กับใครบ้าง? การตรวจ PGT-A อาจมีประโยชน์ในกรณีดังนี้:
  • ผู้หญิงอายุมากกว่า 35 ปี แต่ไม่เกิน 40 ปี
  • ผู้ที่มีประวัติแท้งบุตรซ้ำซาก
  • ผู้ที่เคยทำ IVF มาหลายครั้งแล้วไม่สำเร็จ PGT-A ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การตัดสินใจตรวจควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ขอขอบคุณที่รับชม หากข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในวิดีโอหน้า สวัสดีครับ

Podcasts we love

Check out these other fine podcasts recommended by us, not an algorithm.

เม้ามอยกับหมอพัฒน์ศมา Chit chat with Dr. Pat Artwork

เม้ามอยกับหมอพัฒน์ศมา Chit chat with Dr. Pat

Patsama Vichinsartvichai, MD., MClinEmbryol, EFOG-EBCOG, EFRM-ESHRE/EBCOG.